“the person’s ability to pay tuition fees and to support himself or herself while in Canada” ใครเคยโดนปฏิเสธวีซ่าด้วยเหตุนี้ยกมือ !!!!!!!! หรือ ทำไมหลายครั้งของการปฏิเสธวีซ่าแคนาดา มาจากเหตุผลนี้ ทั้งๆที่ หนูก็มีเงินในบัญชีเยอะ!!!
ถึงแม้ว่า แคนาดา จะเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีอาณาเขตติดกับอเมริกา แต่ในเรื่องของความปลอดภัยนั้น ประเทศแคนาดามีความปลอดภัยมากกว่าอเมริกา โดยจัดอยู่ในอันดับ 8 ของประเทศที่มีความปลอดภัยที่สุดในโลก โดยทั่วไปนิสัยของผู้คนในแคนาดา วัฒนธรรม บ้านเมือง นั้น ค่อนข้างแตกต่างจากคนอเมริกา ซึ่งการจัดอันดับประเทศที่ผู้คนมีความเป็นมิตรที่สุด แคนาดาจัดอยู่ในอันดับ 4 ของโลก อีกทั้งในเรื่องของระบบการศึกษา ล่าสุด แคนาดาได้รับการจัดอันดับเป็นให้ประเทศที่เหมาะแก่การไปเรียนมากที่สุดของโลก ดังนั้น จึงไม่แปลกใจ ที่แคนาดาจะเป็นประเทศอันดับต้นๆที่นักเรียนต่างชาติให้ความสนใจ การคัดกรองคนเข้าประเทศของแคนาดาจึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ แต่ก็ไม่ยากซะทีเดียว
ก่อนหน้านี้ แคนาดา เคยมีการเปิดรับสมัครการเป็นพลเมืองมาก่อน โดยต้องมี Skill การประกอบอาชีพที่ประเทศนั้นๆต้องการ อาทิ เช่น หมอ พยาบาล วิศวะกร เป็นต้น แต่เนื่องจากที่ผ่านมาปัญหาอาชญากรรมในโลกของเรามีมากขึ้น เรื่องของเศรษฐกิจก็เป็นตัวแปรหลักๆที่ทำให้เกิดปัญหาขึ้น แคนาดาจึงเพิ่มความเข้มงวดในการคัดกรองคนเข้าประเทศเพิ่มมากขึ้นเท่านั้นเอง และปัจจัยที่มีผลอันดับต้นๆเลย นั่นก็คือ ” Statement” หรือ หลักฐานทางการเงิน นั่นเอง ซึ่งส่วนตัวพี่ว่าดีนะคะ ใครจะอยากให้คนที่ไม่มีเงินเพียงพอเข้ามาในประเทศ นั่นก็เพราะเป็นปัจจัยที่มีผลต่ออัตราการก่อเหตุอาชญากรรม ชิงทรัพย์ ภายในประเทศนั่นเอง
การพิจารณาเรื่องของการเงินของสถานทูตแคนาดา ทาง Bigbox Education ก็ได้รวบรวมสิ่งที่สถานทูตจะพิจารณาในส่วนการเงินมาดังนี้
- เงินสด แน่นอนว่า การเรียนต่างประเทศใช้เงินไม่น้อย การพิจารณาวงเงิน statement นั้น การขอ Study permit 1 ปี อย่างน้อยๆ 1,200,000 บาท หรือ ถ้าถือวีซ่าท่องเที่ยวก็ตีไปซะ เดือนละ 100,000 บาท อีกอย่างคำว่า เงินสด คือ บัญชีออมทรัพย์เท่านั้นนะ ไม่นับยอดในบัญชีกองทุน เงินสด คือ เงินที่สามารถใช้ได้ทันที น้องๆต้องมี statement บัญชีออมทรัพย์จากธนาคารแสดงย้อนหลังประมาณ 6 เดือน
- เงินสำหรับจ่ายค่าเรียน แน่นอน นอกจากส่วนของข้อ 1 เงินไม่มีจะไปเรียนได้อย่างไร แคนาดาดีหน่อย ตรงที่น้องๆไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าเรียนทั้งหมด แต่จ่ายค่าสมัคร เพื่อขอ LOA ยื่นไปก่อน เพื่อให้สถานทูตพิจารณา โดยที่วงเงินที่เราโชว์จะต้องเพียงพอต่อค่าเรียนด้วย นั่นคือ วงเงินในข้อ 1 รวมกับค่าเรียน
- ที่มาของการเงิน อันนี้สำคัญเลยต่อให้มีเงินหลักหลายล้านแต่หากไม่มีที่มาการเงิน ก็มีความเสี่ยงสูงมากที่จะถูกปฏิเสธได้ แคนาดาเป็นประเทศปลอดคอรับชั่นค่ะ ดังนั้นแล้วจะต้องแสดงทุกอย่าง น้องบางคนได้เงินจากประกันชีวิต มรดก เงินเดือน ค่าเช่า หรือเพิ่มหลักฐานจ่ายภาษี จะต้องแปลและแสดงค่ะ ที่สำคัญควรเป็นเอกสารที่ออกโดยราชการ หรือบริษัทฯ เท่านั้น จึงจะน่าเชื่อถือ
- สถานะการงานของผู้ยื่นวีซ่า บางคนตั้งใจลาออกจากงานมา มุ่งมั่นมากกกก…. พี่ขอแจ้งก่อนเลยว่า ไม่ผิดค่ะ แต่ ‘เสี่ยง’ เพราะการยื่นวีซ่าขอ study permit ใช้เวลาพิจารณาค่อนข้างนาน ดังนั้นแล้ว เค้ามักจะมองว่า เราดูตั้งใจจะเข้าประเทศเค้าแล้วไม่กลับหรือเปล่า? เรื่องหน้าที่การงานปัจจุบันก็ไม่มี แล้วจะรับผิดชอบการเงินไหวมั้ยหนอ….. (อันนี้จากประสบการณ์ที่พี่เจอมา) แต่ก็ไม่เสมอไปนะคะ บางเคสอธิบายเหตุผล น้องเรียนมหาวิทยาลัย 7 ปี MAXIMUM ผลการเรียนแย่มาก และไม่เคยทำงาน แต่เนื่องจากดูแลคุณพ่อป่วย ยื่นเอกสารให้สถานทูตดู ใบรับรองแพทย์ต่างๆนานา วีซ่าก็ผ่านได้ ขึ้นอยู่กับเหตุผลค่ะ เค้ารู้ว่าเราพูดจริงหรือโกหก ฉะนั้นแล้ว Apply ก่อนแล้วค่อยแจ้งออกจากที่ทำงาน น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
5. อายุ น้องๆบางคนอยากจะไป work and study program (โปรแกรมที่สามาถเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย) แต่จากคำแนะนำจากทางโรงเรียนภาษา เค้าไม่แนะนำให้น้องที่อายุมากกว่า 28 ปี เสี่ยงจะ apply ค่ะ เพราะว่า เหมือนเราตั้งใจไปทำงานระยะยาวมากกว่าเรียน มันผิดวัตถุประสงค์ที่เค้าตั้งใจให้ผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ทำงานหรือเพิ่งจะเรียนจบไปหาประสบการณ์ทำงานจากโปรแกรมนี้ ดังนั้น หากน้องอายุเกิน 28 ปี พี่ก็จะแนะนำว่า อย่ายื่น work and study เลย มันเสี่ยงที่จะถูกปฎิเสธ เสียเงินค่าสมัครฟรีๆ
6. ผู้สนับสนุนทางการเงินไม่ใช่ พ่อแม่!!!!! เป็นอีกเหตุผลที่โดนปฏิเสธวีซ่ากันเยอะ ต่อให้เป็นน้องพ่อ พี่แม่ พี่ก็ไม่แนะนำ มันก็อาจมีบางเคสที่พอจะลุ้นได้ เช่น น้องมีหน้าที่การงานดี บริษัทใหญ่ มั่นคง แล้วใช้เงินตัวเองสปอนเซอร์ในระดับนึง แค่ให้ลุงป้า ช่วยอีกทาง หรือป้าเลี้ยงมา ซึ่งเราต้องมีเอกสารที่จดโดยทะเบียนราษฎร์รับรองการเป็นบุตรบุญธรรมจึงจะน่าเชื่อถือ เพราะว่าคงจะมีแต่เอกสารทางราชการเท่านั้นแหละที่จะยืนยันดีที่สุด ทุกเคสมันแตกต่างกันค่ะ กรณีที่ฟังเคสของคนอื่นมาว่ายื่นแล้วได้ บางทีเราไม่รู้หมดทุกเงื่อนไขของเขา แต่พอยื่นไป เราคือคนที่โดนปฏิเสธค่ะ สรุป คือ พี่จะแนะนำว่าถ้าเป็นไปได้ใช้พ่อกับแม่เป็นผู้สนับสนุนทางการเงิน เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดค่ะ
ดังนั้นแล้วน้องๆคนไหนที่มีความฝันอยากไปเรียนต่างประเทศ ก็อย่าเพิ่งท้อนะคะ ข้อมูลดังกล่าวไม่ใช่แค่ประเทศแคนาดาค่ะ ถ้าน้องสามารถเตรียมเอกสารได้รัดกุมตามที่แจ้งได้ เปอร์เซ็นต์การพิจารณา Visa ไม่ว่าจะประเทศไหนๆก็มีโอกาสผ่านเพิ่มขึ้น ปรึกษากันแต่เนิ่นๆ ที่สำคัญ ข้อมูลของน้องเราเก็บเป็นความลับเสมอ ไม่ว่าจะเป็นอะไรน้องๆไม่ควรหมกเม็ดนะคะ มิฉะนั้นแล้วมันก็จะมาเฉลยตอนวีซ่าออกนั่นแล….ส่วนการเตรียมตัวพี่แนะนำว่านอกจาก Statement ก็ไม่ค่อยมีอะไรยากเท่าไหร่ และถ้าผ่านเข้าแคนาดาได้พี่ก็เชื่อว่า เข้าประเทศไหนๆก็คล้ายกันนั่นแหละ ดังนั้นแล้ว ถ้าเราอยากไปประเทศที่คุณภาพดี การศึกษาดี ชีวิตดี๊ดี ก็พิสูจน์ให้เค้ารู้คะ ว่าเราตั้งใจ